ทุกคนที่เล่นคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊คต้องรู้จัก “คีย์บอร์ด” หรือเรียกกันอีกอย่างว่า “แป้นพิมพ์” เราคุ้นเคยและรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่เชื่อว่ายังคงมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่จะรู้ว่าคีย์บอร์ดที่เราพิมพ์ๆกันอยู่มี 3 ประเภท คือ คีย์บอร์ดประเภทปุ่มยาง , คีย์บอร์ดประเภทกลไก , คีย์บอร์ดประเภท , คีย์บอร์ดประเภทกึ่งกลไก วันนี้เราจะมาทำความรู้จักคีย์บอร์ดประเภทกลไก Mechanical กัน
คีย์บอร์ดประเภทกลไก (Mechanical Keyboard) คือ เป็นคีย์บอร์ดที่มีโครงสร้างระบบกลไกแบบสวิตช์สปริง ซึ่งมีความทนทานกว่าคีย์บอร์ดที่เป็นปุ่มยาง มีอายุในการใช้งานการกด 50 ล้านครั้ง ประสิทธิภาพในการทำงานมีความแม่นยำและตอบสนองที่ไวต่อการพิมพ์ คีย์บอร์ดแมคคานิคอลสามารถถอดเปลี่ยนปุ่มสวิตช์ Key Cap หรือปุ่มกด ทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย
กลุ่มที่จะใช้งานคีย์บอร์ดแมคคานิคอล (Mechanical Keyboard) มักจะเป็นพวกเกมเมอร์ส่วนมากเพราะฟิลลิ่งในการใช้คีย์บอร์ดจะดีกว่าปุ่มยางเป็นอย่างมาก รู้สึกเพลินมากเวลาพิมพ์ มีเสียงกดทั้งดังและเงียบในเวลาเราพิมพ์ อยู่ที่ใครจะชอบการพิมพ์ฟิลลิ่งไหน จะมีให้ผู้ใช้ให้เลือกหลายรุ่นหลายแบบ ราคาก็จะมีในระดับหลักร้อยไปถึงหลักหมื่นกันเลย
ระบบสวิตช์จะแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ การแบ่งประเภทจะแยกตามความสัมผัสและการตอบสนองของการพิมพ์ มีดังนี้
- แบบ Linear Switch จะมีรูปแบบการกดที่มีการตอบสนองไวจังหวะเดียว ลักษณะการกดจะมีแรงต้านทานคงที่ใช้แรงกดน้อย เสียงการกดจะเงียบกว่าแบบ tactile switch ได้แก่ Red switch กับ Black switch
- แบบ Tactile Switch จะมีรูปแบบการกดที่มีแรงต้านแตกต่างจากแบบ Linear switch จังหวะการกดจะมี 2 จังหวะ ในการกดจังหวะแรกจะมีแรงต้านที่น้อยกว่าจังหวะที่ 2 ส่วนด้านเสียงจะมีความดังในการกด ได้แก่ Blue Switch และ Brown Switch
แบรนด์ที่ทำการผลิตตัวสวิตช์จะมีหลากหลายแบรนด์ หลายราคาจากถูกไปแพง แบรนด์ที่คนส่วนใหญ่มีความนิยมคือแบรนด์ cherry mx switch มีทั้ง 4 สีดังนี้
- Blue Switch เป็นสวิตช์แบบ Tactile Switch ซึ่งมีจังหวะการกด 2 จังหวะ ใช้น้ำหนักในการกด 60 cN เป็นสวิตช์ที่มีความนิยมมากที่สุดเพราะการกดให้ความรู้สึกที่สนุกมันส์มากเวลากด เวลาเล่นเกมส์ก็ใช้งานได้ดีสนุก เสียงกดปุ่มจะมีความดังที่สุด เสียงจะดัง “คลิกๆ”
- Red Switch เป็นสวิตช์แบบ Linear Switch เวลากดจะมีแรงกดที่น้อยไม่ต้องใช้แรงมาก ใช้น้ำหนักการกด 45 cN เป็นสวิตช์ที่เหมาะกับการพิมพ์ที่ต้องการตอบสนองที่ไว เพราะเวลากดอาจจะเกิดการพลาดได้เพราะแต่ละคนมีแรงกดไม่เหมือนกัน
- Black Switch เป็นสวิตช์แบบ Linear Switch จะมีแรงต้านที่มากที่สุด ใช้น้ำหนักในการกด 60 cN จะลดการเสี่ยงในการกดพลาด เวลาพิมพ์จะมีความเหนื่อยเมื่อยมือได้
- Brown Switch เป็นสวิตช์แบบ Tactile Switch มีเสียงการกดปุ่มที่ดัง “คลิกๆ” แต่เสียงจะดังไม่เท่า Blue Switch ใช้น้ำหนักในการกด 55 cN เหมาะกับคนที่ชอบการกดแบบ Blue switch แต่ไม่ชอบเสียงดังเท่า Blue Switch
รูปทรงขนาดของ Keyboard Mechanical
หลักๆแล้วคีย์บอร์ด Mechanical จะแบ่งได้เป็น 4 แบบ คือ
1. คีย์บอร์ดแบบ Full size
คีย์บอร์ดแบบ full size เป็นคีย์บอร์ดที่เป็นลักษณะที่เราเห็นทั่วๆไป คีย์บอร์ด Mechanical และคีย์บอร์ดทั่วไปที่เราเห็นอยู่เป็นประจำนั้น จะเป็นปุ่มที่ครบ 104 ปุ่ม เป็นคีย์บอร์ดขนาดใหญ่เป็นขนาดที่เป็นมาตรฐาน เป็นไซด์ที่ทุกแบรนด์ได้ผลิตออกมาวางจำหน่ายจึงหาซื้อได้ไม่ยาก แบบ Full size จะมีฟังก์ชั่นที่มาให้ครบครัน และฟีเจอร์พิเศษที่เสริมเข้ามาเหนือปุ่มพวก Numpad
ข้อดีแบบ full size
- แป้นพิมพ์มีขนาดใหญ่จึงทำให้เห็นชัดเวลาพิมพ์
- มีฟังก์ชั่นที่ครบครัน
ข้อเสียแบบ full size
- แป้นพิมพ์ใหญ่ทำให้เสียพื้นที่ทรัพยากรบนโต๊ะสำหรับบางคน
2. คีย์บอร์ดแบบ 80% Tenkeyless (TKL)
เป็นคีย์บอร์ดที่มีความนิยมระดับหนึ่ง บางคนจะเรียกว่าคีย์บอร์ด 80% เป็นคีย์บอร์ดที่จะตัดปุ่มโซน Numpad นั้นออกไป 20% คีย์บอร์ดรูปแบบTenkeyless (TKL) จะเหมาะกับกลุ่มผุ้ใช้งานที่ชอบฟังก์ชั่นการใช้งานเทียบเท่าแบบ Full size ถ้าผู้ใช้งานอยากจะใช้การพิมพ์ตัวเลขให้กดปุ่มตรง F1-F12 ก็ใช้ทดแทนปุ่มที่ตัดออกไปได้เหมือนกัน
ข้อดีของคีย์บอร์ดแบบ 80%
- การใช้งานคีย์บอร์ดจะไม่เสียจังหวะในการเล่นเกมส์เพราะตัวคีย์บอร์ดสามารถตั้งค่า DPI เกมมิ่งเมาส์ต่ำทำให้การลากเมาส์ไม่โดนคีย์บอร์ดเวลาเล่นเกมส์
- การใช้งานไม่มีความยากเกินเพราะมีปุ่มที่ทดแทนมาให้ในการกด
3. คีย์บอร์ดแบบ 75% Layout
คีย์บอร์ด 75% จะเป็นคีย์บอร์ดที่เล็กกะทัดรัดลงมาอีก ตัดพื้นที่ปุ่มคำสั่งเสริมอย่าง คำสั่ง Page Down ,Insert, Page Up, Home นั้นออกไป ปุ่มโซน F1-F12 จะถูกนำมาร่วมเข้ากับปุ่ม Fn กับตัวเลขให้อยู่ในบรรทัดเดียวกัน การกดใช้งานปุ่มฟังก์ชั่นต่างๆต้องกด Fn ก่อนเสมอถึงจะใช้งานได้ ลักษณะคีย์บอร์ดจะเหมือนแป้นพิมพ์ของโน้ตบุ๊คเลย
ข้อดีของคีย์บอร์ด 75%
- เป็นคีย์บอร์ดที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดพกพาสะดวก
- ไม่เปลืองพื้นที่บนโต๊ะทำงานเพราะมีขนาดเล็ก
ข้อเสียของคีย์บอร์ด 75%
- สำหรับบางคนจะไม่ชอบเพราะติดปุ่ม Numpad ทำให้ใช้งานไม่สะดวก
4. คีย์บอร์ดแบบ 60%
คีย์บอร์ดที่มีขนาดเล็กที่สุดมีปุ่มให้ใช้งาน 61 ปุ่ม ตัวคีย์บอร์ดจะมีความสั้นกว่าแบบคีย์บอร์ด 75% ในส่วนชุดคำสั่งฟังก์ชั่นการใช้งานจะถูกรวบรวมไว้กับคำสั่ง Page Down ,Insert, Page Up และปุ่มอื่นๆอีก ตัวปุ่มจะถูกดัดแปลงไม่เหมือนกับการใช้งานแบบปกติทั่วๆไป ปุ่มพิมพ์ตัว “ฝ” จะอยู่ตรงปุ่มลูกศรวางซ้อนกันอยู่การที่จะใช้งานฟังก์ชั่นเหล่านี้ต้องกดปุ่ม fn ค้างไว้ก่อนเสมอ
ข้อดีของคีย์บอร์ดแบบ 60%
- ตัวคีย์บอร์ดมีขนาดเล็กทำให้มีพื้นที่ใช้สอยบนโต๊ะทำงานมากขึ้น
ข้อเสียของคีย์บอร์ดแบบ 60%
- ผู้ใช้งานอาจมีความรำคาญเพราะปุ่มสำคัญๆถูกตัดออกไป
ที่มาข้อมูล Notebookspec.com
Credit ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ