10 iPhone รุ่นไหนน่าใช้ รุ่นไหนน่าซื้อ 2021
“Apple” บริษัทยักษ์ใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลกที่พัฒนาอุปกรณ์เทคโนโลยีไว้มากมาย ทั้ง iPhone, iPad, iPod, Apple Watch, Macbook และ Gadget อื่น ๆ อีกเพียบ โดยได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งานจำนวนมาก แต่สินค้าที่สร้างชื่อเสียงให้ Apple มากเลยก็คือ “iPhone” นั่นเอง ไอโฟนเป็นสมาร์ทโฟนที่หลายคนรู้จักและคุ้นหน้าคุ้นตากันดี ถ้ามองผ่าน ๆ ก็รู้เลยว่าเป็นไอโฟน นั่นก็เพราะการออกแบบดีไซน์ตัวเครื่องที่เป็นเอกลักษณ์นั่นเอง ซึ่งในบทความนี้เราจะมาพูดถึง “iPhone” โทรศัพท์มือถือที่ให้กำเนิดยุคทองของ “Smartphone” มาจนถึงตอนนี้

เริ่มจาก สตีฟ จ็อบส์ ขึ้นเวทีเปิดตัว iPhone ครั้งแรกเมื่อ 9 มกราคม 2007 หลังจากที่ได้พัฒนามากว่า 2 ปีครึ่ง โดยคอนเซปต์เป็นการรวมกันระหว่าง iPod และโทรศัพท์มือถือ มีการเพิ่มการเชื่อมต่อ internet เข้ามา รวมไปถึงฟีทเจอร์ต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนจากปุ่มกดบนโทรศัพท์หรือปากกา(stylus) ให้กลายเป็นการทัชสกรีนแทน คือใช้นิ้วมือจิ้มลงไปได้เลยที่หน้าจอตรง ๆ ทำให้โลกของ smartphone ในตอนนั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ได้มีการวางจำหน่ายครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในวันที่ 29 มิถุนายน 2007 หลังจากวางจำหน่ายก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก และได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Time ว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยอดเยี่ยมประจำปีอีกด้วย จนมาถึงปัจจุบัน Apple ได้มีการพัฒนา iPhone มาอย่างต่อเนื่องอีกหลายรุ่น ในแต่ละรุ่นก็ปรับรูปลักษณ์ภายนอกและเพิ่มความสามารถใหม่ ๆ เข้าไปด้วย
ทำไม iPhone จึงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง?

นับตั้งแต่ที่มีการเปิดตัวมือถือไอโฟนรุ่นแรกเมื่อปี 2007 จนมาถึงปัจจุบันไอโฟนก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาโดยตลอด แต่เพราะอะไรถึงได้รับความนิยมมากขนาดนี้? เรามาดูกันเลย
1. การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
มีการดีไซน์ตัวเครื่องที่มีความเป็นตัวเองสูงทั้งภายนอกและภายใน แม้จะถูกพัฒนามาหลายรุ่นก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ทำให้หลายคนเห็นแล้วจำได้ทันทีว่านี่คือ iPhone จากค่าย Apple ส่วนของการออกแบบภายนอกมีการดีไซน์ได้เรียบหรู สวยงาม ปุ่มกดอยู่ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการใช้งาน ส่วนภายในมีการออกแบบการจัดวางตำแหน่งในส่วนต่าง ๆ ได้ง่ายต่อการใช้งานเช่นกัน ทำให้หน้าจอดูเป็ดสัดส่วนง่ายต่อการเรียกใช้ฟังก์ชันต่าง ๆ
2. วัสดุที่ใช้ผลิต
นอกจากความสวยงามในการออกแบบแล้ว ความแข็งแรงทนทานของตัวเครื่องก็เป็นจุดเด่นอีกข้อที่ทำให้ไอโฟนเป็นที่นิยมมาอย่างต่อเนื่อง โดยจุดเด่นทั้งสองข้อนี้ก็มาจากการเลือกใช้วัสดุในการผลิตที่มีคุณภาพสูงที่ Apple เคลมไว้ว่าเป็นวัสดุเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ ทั้งอลูมิเนียมอัลลอย, กระจกซิลิกอนไดออกไซด์, เหล็ก, ทองแดง, โคบอลต์และแร่ธาตุอื่น ๆ
3. ความเสถียรในการใช้งาน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าระบบปฏิบัติการ iOS ที่ใช้กับผลิตภัณฑ์ของ Apple นั้นมีเสถียรภาพและความปลอดภัยสูงกว่าระบบปฏิบัติการอื่น ๆ มีการป้องกันข้อมูลส่วนตัวใน Apple ID และการชำระเงินใน App store หรือช่องทางการทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านมือถือ รวมไปถึงเมื่อเราเปิดฟังก์ชันในการใช้งานต่าง ๆ หลายอย่างพร้อมกัน ระบบจะมีการอัพเดตอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ทำให้เราได้ใช้งานอย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด
4. อุปกรณ์เสริมที่หลากหลาย
แม้ตัว iPhone จะตอบโจทย์เราได้หมดแล้วก็ตาม แต่หากมีผู้ช่วยเสริมก็ทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นอีกเป็นกอง โดย Apple เองก็เล็งเห็นถึงความสำคัญตรงนี้ จึงมีการผลิตอุปกรณ์เสริมขึ้นมามากมาย เช่น หูฟังไร้สาย Airpods, อุปกรณ์ติดตาม Airtag, เคสไอโฟนแบบ MagSafe ที่รองรับการชาร์จไร้สายและการติดกับแถบแม่เหล็ก, Apple TV ที่ไว้เชื่อมต่อระหว่างไอโฟนและทีวีได้ และอุปกรณ์อื่น ๆ อีกมากมายพร้อมลูกเล่นสุดคูลที่สามารถหาซื้อได้ที่ iStudio ไม่ใช่แค่ค่ายแอปเปิ้ลเท่านั้น อุปกรณ์เสริมอื่นที่น่าสนใจและใช้กับไอโฟนได้ก็มีให้เลือกอีกมากมายเช่นกัน เช่น Power bank แบตเตอร์รี่สำรอง, เคสกันกระแทก, ฟิล์มติดหน้าจอ, สายชาร์จแบบชาร์จเร็ว Fast charge เป็นต้น
5. ราคาไม่ตก
แม้จะผ่านการใช้งานไปแล้ว 2-3 ปี iPhone ก็ยังคงขายต่อได้ในราคาที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่น ๆ หรือรุ่นอื่น ๆ นั่นเป็นเพราะความสวยงาม แข็งแรงทนทาน ประสิทธิภาพของเครื่อง รวมถึงภาพลักษณ์บริษัท Apple นั่นเอง และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเราสามารถอัพเดทระบบปฏิบัติการ iOS ได้อยู่เรื่อย ๆ แม้จะใช้มาหลายปีแล้วก็ตาม
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็คงอยากจับจองเป็นเจ้าของ iPhone สักเครื่องกันใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นเราไปดูไอโฟนแต่ละรุ่นกัน ว่ารุ่นไหนมีคุณสมบัติอย่างไร จะตอบโจทย์ของเราได้ไหม มาดูกันเลย
1. iPhone 12


ราคา : 27,900 – 33,900 บาท
สั่งซื้อได้ที่ : https://www.bnn.in.th
สี | ดำ, ขาว, (PRODUCT)RED, เขียว, น้ำเงิน และม่วง |
จอภาพ | – จอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว พร้อม HDR และการแสดงผลแบบ True Tone – ดีไซน์ด้านหน้าแบบ Ceramic Shield ด้านหลังแบบกระจก และอะลูมิเนียม |
กล้อง | – ระบบกล้องคู่ ความละเอียด 12MP (อัลตร้าไวด์, ไวด์) พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, โหมดกลางคืน, Deep Fusion, HDR อัจฉริยะ 3, การบันทึกวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision สูงสุดถึงระดับ 4K ที่ 30 fps และวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60 fps พร้อมช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น – กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 12MP พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, โหมดกลางคืน, Deep Fusion, HDR อัจฉริยะ 3, การบันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุดถึงระดับ 4K ที่ 30 fps, การบันทึกวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60 fps และรองรับวิดีโอสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps |
ระบบประมวลผล | ชิป A14 Bionic พร้อม Neural Engine เจเนอเรชั่นถัดไป |
Feature ที่น่าสนใจ | – รองรับ 5G และ Gigabit LTE – ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่: เล่นวิดีโอ นานสูงสุด 17 ชั่วโมง และเล่นวิดีโอ นานสูงสุด 11 ชั่วโมง (ผ่านการสตรีม) – Face ID เพื่อการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย – สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์เสริม MagSafe – การชาร์จแบบไร้สายในแบบ MagSafe และ Qi – ความสามารถในการชาร์จเร็ว – ทนน้ำถึงระดับความลึก 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที (IP68) |
2. iPhone 12 mini


ราคา : 23,400 – 29,400 บาท
สั่งซื้อได้ที่ : https://www.bnn.in.th
สี | ดำ, ขาว, (PRODUCT)RED, เขียว, น้ำเงิน และม่วง |
จอภาพ | – จอภาพ Super Retina XDR ขนาด 5.4 นิ้ว พร้อม HDR และการแสดงผลแบบ True Tone – ดีไซน์ด้านหน้าแบบ Ceramic Shield ด้านหลังแบบกระจก และอะลูมิเนียม |
กล้อง | – ระบบกล้องคู่ ความละเอียด 12MP (อัลตร้าไวด์, ไวด์) พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, โหมดกลางคืน, Deep Fusion, HDR อัจฉริยะ 3, การบันทึกวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision สูงสุดถึงระดับ 4K ที่ 30 fps และวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60 fps พร้อมช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น
– กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 12MP พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, โหมดกลางคืน, Deep Fusion, HDR อัจฉริยะ 3, การบันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุดถึงระดับ 4K ที่ 30 fps, การบันทึกวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60 fps และรองรับวิดีโอสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps |
ระบบประมวลผล | ชิป A14 Bionic พร้อม Neural Engine เจเนอเรชั่นถัดไป |
Feature ที่น่าสนใจ | – รองรับ 5G และ Gigabit LTE – ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่: เล่นวิดีโอ นานสูงสุด 15 ชั่วโมง และเล่นวิดีโอ นานสูงสุด 10 ชั่วโมง (ผ่านการสตรีม) – Face ID เพื่อการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย – สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์เสริม MagSafe – การชาร์จแบบไร้สายในแบบ MagSafe และ Qi – ความสามารถในการชาร์จเร็ว – ทนน้ำถึงระดับความลึก 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที (IP68) |
3. iPhone 12 Pro


ราคา : 36,100 – 47,400 บาท
สั่งซื้อได้ที่ : https://www.bnn.in.th
สี | กราไฟต์, เงิน, ทอง และแปซิฟิกบลู |
จอภาพ | – จอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว พร้อม HDR และการแสดงผลแบบ True Tone – ดีไซน์ด้านหน้าแบบ Ceramic Shield ด้านหลังแบบกระจกผิวด้าน และสแตนเลสสตีล |
กล้อง | – ระบบกล้องระดับโปร ความละเอียด 12MP (อัลตร้าไวด์, ไวด์, เทเลโฟโต้) พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, โหมดกลางคืน, ภาพถ่ายบุคคลในโหมดกลางคืน, Deep Fusion, HDR อัจฉริยะ 3, Apple ProRAW และการบันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุดถึงระดับ 4K ที่ 60 fps
– สแกนเนอร์ LiDAR สำหรับภาพถ่ายบุคคลในโหมดกลางคืน, ออโต้โฟกัสที่เร็วขึ้นในสภาวะแสงน้อย และประสบการณ์ AR ที่ดียิ่งขึ้น
– กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 12MP พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, โหมดกลางคืน, Deep Fusion, HDR อัจฉริยะ 3, การบันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุดถึงระดับ 4K ที่ 30 fps, การบันทึกวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60 fps และรองรับวิดีโอสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps |
ระบบประมวลผล | ชิป A14 Bionic พร้อม Neural Engine เจเนอเรชั่นถัดไป |
Feature ที่น่าสนใจ | – รองรับ 5G และ Gigabit LTE – ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่: เล่นวิดีโอ นานสูงสุด 17 ชั่วโมง และเล่นวิดีโอ นานสูงสุด 11 ชั่วโมง (ผ่านการสตรีม) – Face ID เพื่อการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย – สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์เสริม MagSafe – การชาร์จแบบไร้สายในแบบ MagSafe และ Qi – ความสามารถในการชาร์จเร็ว – ทนน้ำถึงระดับความลึก 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที (IP68) |
4. iPhone 12 Pro max


ราคา : 39,100 – 50,400 บาท
สั่งซื้อได้ที่ : https://www.bnn.in.th
สี | กราไฟต์, เงิน, ทอง และแปซิฟิกบลู |
จอภาพ | – จอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว พร้อม HDR และการแสดงผลแบบ True Tone – ดีไซน์ด้านหน้าแบบ Ceramic Shield ด้านหลังแบบกระจกผิวด้าน และสแตนเลสสตีล |
กล้อง | – ระบบกล้องระดับโปร ความละเอียด 12MP (อัลตร้าไวด์, ไวด์, เทเลโฟโต้) พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, โหมดกลางคืน, ภาพถ่ายบุคคลในโหมดกลางคืน, Deep Fusion, HDR อัจฉริยะ 3, Apple ProRAW และการบันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุดถึงระดับ 4K ที่ 60 fps
– สแกนเนอร์ LiDAR สำหรับภาพถ่ายบุคคลในโหมดกลางคืน, ออโต้โฟกัสที่เร็วขึ้นในสภาวะแสงน้อย และประสบการณ์ AR ที่ดียิ่งขึ้น
– กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 12MP พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, โหมดกลางคืน, Deep Fusion, HDR อัจฉริยะ 3, การบันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุดถึงระดับ 4K ที่ 30 fps, การบันทึกวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60 fps และรองรับวิดีโอสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps |
ระบบประมวลผล | ชิป A14 Bionic พร้อม Neural Engine เจเนอเรชั่นถัดไป |
Feature ที่น่าสนใจ | – รองรับ 5G และ Gigabit LTE – ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่: เล่นวิดีโอ นานสูงสุด 20 ชั่วโมง และเล่นวิดีโอ นานสูงสุด 12 ชั่วโมง (ผ่านการสตรีม) – Face ID เพื่อการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย – สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์เสริม MagSafe – การชาร์จแบบไร้สายในแบบ MagSafe และ Qi – ความสามารถในการชาร์จเร็ว – ทนน้ำถึงระดับความลึก 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที (IP68) |
5. iPhone 11


ราคา : 22,100 – 28,100 บาท
สั่งซื้อได้ที่ : https://www.bnn.in.th
สี | ดำ, ขาว, ม่วง, เขียว, เหลือง และ (PRODUCT)RED |
จอภาพ | – จอภาพ Liquid Retina HD ขนาด 6.1 นิ้ว พร้อมการแสดงผลแบบ True Tone – ดีไซน์แบบกระจกและอะลูมิเนียม |
กล้อง | – กล้องคู่ความละเอียด 12MP (อัลตร้าไวด์, ไวด์) พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, โหมดกลางคืน, Deep Fusion, HDR อัจฉริยะเจเนอเรชั่นถัดไป และวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60 fps พร้อมช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น
– กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 12MP พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, HDR อัจฉริยะ, การบันทึกวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60 fps และรองรับวิดีโอสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps |
ระบบประมวลผล | ชิป A13 Bionic พร้อม Neural Engine รุ่นที่ 3 |
Feature ที่น่าสนใจ | – รองรับ LTE ระดับ Gigabit – ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่: เล่นวิดีโอ นานสูงสุด 17 ชั่วโมง และเล่นวิดีโอ นานสูงสุด 10 ชั่วโมง (ผ่านการสตรีม) – Face ID เพื่อการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย – การชาร์จแบบไร้สายในแบบ Qi – ความสามารถในการชาร์จเร็ว – ทนน้ำถึงระดับความลึก 2 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที (IP68) |
6. iPhone 11 Pro


ราคา : 29,120 – 36,400 บาท
สั่งซื้อได้ที่ : https://www.bnn.in.th
สี | เงิน, เทาสเปซเกรย์, ทอง และเขียวมิดไนท์กรีน |
จอภาพ | – จอภาพ Super Retina XDR ขนาด 5.8 นิ้ว พร้อม HDR และการแสดงผลแบบ True Tone – ดีไซน์แบบกระจกผิวด้านและสแตนเลสสตีล |
กล้อง | – สามกล้องความละเอียด 12MP (อัลตร้าไวด์, ไวด์, เทเลโฟโต้) พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, โหมดกลางคืน, Deep Fusion, HDR อัจฉริยะเจเนอเรชั่นถัดไป และวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60 fps พร้อมช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น – กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 12MP พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, HDR อัจฉริยะ, การบันทึกวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60 fps และรองรับวิดีโอสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps |
ระบบประมวลผล | ชิป A13 Bionic พร้อม Neural Engine รุ่นที่ 3 |
Feature ที่น่าสนใจ | – รองรับ Gigabit LTE – ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่: เล่นวิดีโอ นานสูงสุด 18 ชั่วโมง และเล่นวิดีโอ นานสูงสุด 11 ชั่วโมง (ผ่านการสตรีม) – Face ID เพื่อการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย – การชาร์จแบบไร้สายในแบบ Qi – ความสามารถในการชาร์จเร็ว – การชาร์จเร็วด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 18 วัตต์ ที่มีมาให้ – ทนน้ำถึงระดับความลึก 4 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที (IP68) |
7. iPhone 11 Pro max


ราคา : 34,900 – 46,900 บาท
สั่งซื้อได้ที่ : https://store.ais.co.th
สี | เงิน, เทาสเปซเกรย์, ทอง และเขียวมิดไนท์กรีน |
จอภาพ | – จอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.5 นิ้ว พร้อม HDR และการแสดงผลแบบ True Tone – ดีไซน์แบบกระจกผิวด้านและสแตนเลสสตีล |
กล้อง | – สามกล้องความละเอียด 12MP (อัลตร้าไวด์, ไวด์, เทเลโฟโต้) พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, โหมดกลางคืน, Deep Fusion, HDR อัจฉริยะเจเนอเรชั่นถัดไป และวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60 fps พร้อมช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น
– กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 12MP พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, HDR อัจฉริยะ, การบันทึกวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60 fps และรองรับวิดีโอสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps |
ระบบประมวลผล | ชิป A13 Bionic พร้อม Neural Engine รุ่นที่ 3 |
Feature ที่น่าสนใจ | – รองรับ Gigabit LTE – ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่: เล่นวิดีโอ นานสูงสุด 20 ชั่วโมง และเล่นวิดีโอ นานสูงสุด 12 ชั่วโมง (ผ่านการสตรีม) – Face ID เพื่อการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย – การชาร์จแบบไร้สายในแบบ Qi – การชาร์จเร็วด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 18 วัตต์ ที่มีมาให้ – ทนน้ำถึงระดับความลึก 4 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที (IP68) |
8. iPhone XR


ราคา : 19,900 – 22,900 บาท
สั่งซื้อได้ที่ : https://www.bnn.in.th
สี | ดำ, ขาว, ฟ้า, ส้มคอรัล, เหลือง และ (PRODUCT)RED |
จอภาพ | – จอภาพ Liquid Retina HD ขนาด 6.1 นิ้ว พร้อมการแสดงผลแบบ True Tone – ดีไซน์แบบกระจกและอะลูมิเนียม |
กล้อง | – กล้องเดี่ยวความละเอียด 12MP (ไวด์) พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, HDR อัจฉริยะ และวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60 fps และสูงสุด 30 fps สำหรับช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น
– กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 7MP พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, HDR อัจฉริยะ และการบันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p สูงสุด 60 fps |
ระบบประมวลผล | ชิป A12 Bionic พร้อม Neural Engine รุ่นที่ 2 |
Feature ที่น่าสนใจ | – รองรับ LTE Advanced – ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่: เล่นวิดีโอ นานสูงสุด 16 ชั่วโมง – Face ID เพื่อการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย – การชาร์จแบบไร้สายในแบบ Qi – ความสามารถในการชาร์จเร็ว – ทนน้ำถึงระดับความลึก 1 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที (IP67) |
9. iPhone Xs


ราคา : 21,500 – 27,500 บาท
สั่งซื้อได้ที่ : https://store.ais.co.th
สี | สีเงิน สีเทาสเปซเกรย์ และสีทอง |
จอภาพ | – จอภาพ Super Retina HD ขนาด 5.8 นิ้ว พร้อม HDR และการแสดงผลแบบ True Tone – ดีไซน์แบบกระจกและสแตนเลสสตีล |
กล้อง | – กล้องคู่ความละเอียด 12MP (ไวด์, เทเลโฟโต้) พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, HDR อัจฉริยะ และวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60 fps และสูงสุด 30 fps สำหรับช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น
– กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 7MP พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, HDR อัจฉริยะ และการบันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p สูงสุด 60 fps |
ระบบประมวลผล | ชิป A12 Bionic พร้อม Neural Engine รุ่นที่ 2 |
Feature ที่น่าสนใจ | – รองรับ LTE ระดับ Gigabit – ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่: เล่นวิดีโอ นานสูงสุด 14 ชั่วโมง – Face ID เพื่อการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย – การชาร์จแบบไร้สายในแบบ Qi – ความสามารถในการชาร์จเร็ว – ทนน้ำถึงระดับความลึก 2 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที (IP68) |
10. iPhone Xs Max


ราคา : 26,900 –32,900 บาท
สั่งซื้อได้ที่ : https://store.ais.co.th
สี | สีเงิน สีเทาสเปซเกรย์ และสีทอง |
จอภาพ | – จอภาพ Super Retina HD ขนาด 6.5 นิ้ว พร้อม HDR และการแสดงผลแบบ True Tone – ดีไซน์แบบกระจกและสแตนเลสสตีล |
กล้อง | – กล้องคู่ความละเอียด 12MP (ไวด์, เทเลโฟโต้) พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, HDR อัจฉริยะ และวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60 fps และสูงสุด 30 fps สำหรับช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น – กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 7MP พร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคล, HDR อัจฉริยะ และการบันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p สูงสุด 60 fps |
ระบบประมวลผล | ชิป A12 Bionic พร้อม Neural Engine รุ่นที่ 2 |
Feature ที่น่าสนใจ | – รองรับ LTE ระดับ Gigabit – ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่: เล่นวิดีโอ นานสูงสุด 15 ชั่วโมง – Face ID เพื่อการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย – การชาร์จแบบไร้สายในแบบ Qi – ความสามารถในการชาร์จเร็ว – ทนน้ำถึงระดับความลึก 2 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที (IP68) |
สรุปข้อดี - ข้อเสียของ iPhone X / iPhone 11 / iPhone 12
ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพลักษณ์ของ iPhone ยังคงครองความเป็น Smartphone ที่ดูดี ดูพรีเมี่ยม หรูหรา ส่งผลให้ผู้ใช้มีภาพลักษณ์ที่ดูดี มีรสนิยม ถัดมาจากเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกแล้วเรื่องประสิทธิภาพของเครื่องก็สำคัญไม่แพ้กัน เมื่อปี 2018 ทาง Apple ได้ทำการผลิตชิปเซ็ต A11 ที่มีคุณภาพดีที่สุดในตลาด จนฝั่ง Android ตามไม่ทันกันเลยทีเดียว นอกจากนั้นแล้วสิ่งที่ทำให้ iPhone น่าซื้อมาใช้ก็คือ iPhone รองรับการอัพเดทซอฟท์แวร์ได้ยาวนานหลายปี เครื่องมีความเสถียรใช้ได้ยาวนาน มีความปลอดภัยต่อข้อมูลผู้ใช้งาน มีระบบ Ecosystem ที่ช่วยเชื่อมข้อมูลระหว่างอุปกรณ์จาก Apple ช่วยให้ง่าย สะดวกในการใช้งานและถ่ายโอนข้อมูล ถึงแม้สุดท้ายเราจะเลือกขายต่อก็ยังได้ราคาดีอยู่
หากต้องการจะเปลี่ยนจากรุ่น X เป็น 11 หรือ 11 เป็น 12 ก็ถือว่ายังไม่ค่อยคุ้มเท่าไร เนื่องจาก iPhone ทั้ง 3 รุ่นใหญ่นี้มีประสิทธิภาพที่ดีและยังมีความแตกต่างกันเพียงบางจุดเท่านั้น เช่น ชิปเซ็ตประมวลผลที่ยังใช้ได้ดีใกล้เคียงกัน ขนาดหน้าจอถ้าเทียบรุ่นที่ขนาดใกล้กันก็ยังถือว่าห่างกันเล็กน้อย แต่ถ้าอยากได้คุณภาพกล้องที่กว้างขึ้นสักหน่อยหรือฟีเจอร์บางอย่างที่จำเป็นต้องใช้งานจริง ๆ ก็คุ้มที่จะเปลี่ยน
และก็ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีทีเดียวหากจะเปลี่ยนจาก iPhone รุ่นเก่าตั้งแต่ iPhone 8 ลงไป เพราะจะได้ประสิทธิภาพของตัวเครื่องที่ดีขึ้น กล้องชัดมีโหมดช่วยถ่ายที่เยอะขึ้น ได้ feature ที่เพิ่มมากขึ้น และแบตเตอร์รี่ที่ใช้งานได้นานขึ้นอีกด้วย รวมไปถึงรองรับการอัพเดทซอฟท์แวร์ไปได้อีกนานหลายปีเลยทีเดียว
iPhone X / Xr / Xs / Xs Max

ข้อดี
– ดีไซน์สวยงาม เรียบหรู
– สำหรับรุ่น Xr มีสีให้เลือกเยอะกว่ารุ่นอื่น ๆ
– ประสิทธิภาพการทำงานลื่นไหล ไม่สะดุดแม้เปิดหลายแอพฯ
– วัสดุทำจาก Stainless Steel มีความทนทานแข็งแรง
– หน้าจอ จอ OLED Super Retina display ให้ความคมชัด สมจริง
– มีระบบ Face ID ปลดล็อกด้วยใบหน้า
– กล้องโฟกัสได้ดีและเร็ว ถ่ายรูปหรือถ่ายวีดีโอก็ชัดแม้ในที่แสงน้อย
– มีคุณสมบัติกันน้ำได้นานสูงสุด 30 นาที
– มีหูฟังแบบหัว lightning ให้
– มีหัวชาร์จมาตรฐานให้
– รองรับการชาร์จเร็ว หรือ Fast charge
ข้อเสีย
– ราคาที่ค่อนข้างสูง
– ไม่มีช่องเสียบหูฟังแบบปลั๊ก 3.5 mm และช่องเสียบหูฟังกับช่องชาร์จเป็นช่องเดียวกัน อาจต้องหาอุปกรณ์มาใช้แปลงเอา
– ไม่มีปุ่ม Home เปลี่ยนเป็นการ slide หน้าจอขึ้นแทน และไม่มี Touch ID
– หากไม่นับเรื่อง Face ID แล้วในส่วนอื่นก็ยังไม่ค่อยแตกต่างจากรุ่นก่อนนี้มากนัก
– รองรับ Fast charge มาก็จริงแต่ไม่ได้มีอุปกรณ์แถมมาให้
– ในรุ่น Xs Max มีหน้าจอและตัวเครื่องที่ใหญ่ อาจทำให้ผู้ใช้บางคนพกพาไม่สะดวก
– ดีไซน์ช่วงบนของจอมีแถบลำโพงและกล้องบัง ทำให้เวลาใช้งานในแนวนอนจะเห็นไม่ครบทุกรายละเอียด
iPhone 11 / Pro / Pro Max

ข้อดี
– ดีไซน์สวยงาม เรียบหรู
– ลำโพง Dolby Atmos ให้เสียงที่มีมิติสมจริง
– กล้องเลนส์ Ultra wide ถ่ายภาพมุมกว้างได้ครบทุกรายละเอียด
– เพิ่มโหมดการถ่ายภาพกลางคืน Night mode ให้ภาพคมชัดแม้สภาพแสงน้อย
– รองรับการถ่ายวีดีโอระดับ 4K 60fps
– กล้องจับโฟกัสได้เร็วและแม่นยำ
– เพิ่มระบบ Ecosystem ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์จาก Apple เข้าด้วยกันเพื่อความสะดวกในการใช้งานและโอนถ่ายข้อมูล
– ประสิทธิภาพที่แรงและดีขึ้น เล่นเกมได้ลื่นไหล ไม่สะดุด
– กันน้ำได้นานสูงสุด 30 นาทีและกันฝุ่นระดับ IP68
– มีหูฟังแบบหัว lightning ให้
– มีหัวชาร์จมาตรฐานให้
– รองรับการชาร์จเร็ว หรือ Fast charge
– แบตเตอร์รี่อึด ใช้งานได้เกิน 1 วัน
ข้อเสีย
– ราคาที่ค่อนข้างสูง
– ดีไซน์ยังคงคล้าย ๆ รุ่นก่อน
– น้ำหนักมากขึ้น
– ไม่มีช่องเสียบหูฟังแบบแจ๊ค 3.5 มม. และช่องเสียบหูฟังกับช่องชาร์จเป็นช่องเดียวกัน อาจต้องหาอุปกรณ์มาใช้แปลงเอา
– ช่องชาร์จยังไม่เป็น USB-C
– ไม่มีปุ่ม Home เปลี่ยนเป็นการ slide หน้าจอขึ้นแทน และไม่มี Touch ID
– ดีไซน์ช่วงบนของจอมีแถบลำโพงและกล้องบัง ทำให้เวลาใช้งานในแนวนอนจะเห็นไม่ครบทุกรายละเอียด
– แม้จะรองรับ Fast charge มาก็จริงแต่ไม่ได้มีอุปกรณ์แถมมาให้
iPhone 12 / PRO / Pro Max

ข้อดี
– กระจกหน้าจอทำจากวัสดุ Ceramic Shield ทนทานแข็งแรง
– ตัวหน้าจอเป็น Super Retina XDR ( OLED ) ให้ภาพคมชัด สีสันสดใสสมจริง
– ใช้ชิปเซ็ต A14 Bionic เป็นชิปเซ็ตตัวใหม่และเร็วที่สุดในตอนนี้
– ดีไซน์ของตัวเครื่องที่เน้นความบางและเบากว่า
– ลำโพง Stereo อัพเกรดใหม่แบบ Atmos ให้เสียงมีมิติที่ลึกขึ้น
– ถ่ายวีดีโอ Dolby Vision คือดีงาม คมชัดในระดับ 4K
– เพิ่มกล้อง Tele และ Ultra wide ให้ภาพที่มีมุมกว้างขึ้นและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น
– มีการฝังแม่เหล็ก MagSafe รองรับการชาร์จไร้สาย
– รองรับ 5G ซึ่งเร็วกว่า 4G ถึง2 เท่า
– กล้องใช้เลนส์ Ultra wide ถ่ายภาพมุมกว้างได้ครบทุกรายละเอียด
– เพิ่มโหมดการถ่ายภาพกลางคืน Night mode ให้ภาพถ่ายคมชัดแม้สภาพแสงน้อย
– รองรับการถ่ายวีดีโอชัดสุด ๆ ในระดับ 4K 60fps
– ตัวกล้องสามารถจับโฟกัสได้เร็วและแม่นยำ
– เพิ่มระบบ Ecosystem สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ของ Apple เข้าด้วยกันเพื่อความสะดวกในการใช้งานและโอนถ่ายข้อมูล
– iPhone 12 Mini เป็นทางออกที่ดีสำหรับคนที่รักสมาร์ทโฟนเครื่องเล็ก พกพาง่าย
ข้อเสีย
– ราคาที่ค่อนข้างสูง
– แบตเตอรี่ค่อนข้างเล็ก ทำให้แบตหมดเร็ว
– การเชื่อมต่อ 5G กินพลังงานสูง
– ดีไซน์ยังคงคล้าย ๆ รุ่นก่อน
– ไม่มีช่องเสียบหูฟังแบบใช้ปลั๊กหัว 3.5 มม. และช่องเสียบหูฟังกับช่องชาร์จเป็นช่องเดียวกัน อาจต้องหาอุปกรณ์มาใช้แปลงเอง
– ช่องชาร์จยังไม่เป็น USB-C
– ถูกเอาปุ่ม Home ออก เปลี่ยนไปใช้แบบ slide หน้าจอขึ้นแทน และไม่มี Touch ID
– ดีไซน์ช่วงบนของจอมีแถบลำโพงและกล้องบัง ทำให้เวลาใช้งานในแนวนอนจะเห็นไม่ครบทุกรายละเอียด
– รองรับ Fast charge ก็จริงแต่ไม่ได้มีอุปกรณ์แถมมาให้
และทั้งหมดนี้ก็คือ 10 อันดับ iPhone จากค่าย Apple ที่น่าใช้ในปี 2021 แม้ว่าตัว iPhone นั้นจะมีราคาที่ค่อนข้างสูงแต่ก็แลกมาด้วยเทคโนโลยีและฟังก์ชันที่ตอบสนองทุกการใช้งาน รวมไปถึงในด้านความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวและการทำธุรกรรมต่าง ๆ ด้วย เราจึงจำเป็นต้องศึกษาและวางแผนให้ดีสำหรับการเลือกซื้อของที่มีราคาค่อนข้างสูงเพื่อที่จะลดโอกาสการสูญเสียเงินทอง เสียเวลาและความรู้สึกในภายหลังนั่นเอง
เครดิตข้อมูล : https://bestreview.asia
ดูบทความเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง
10 ยี่ห้อโทรศัพท์มือถือยอดนิยมระดับโลกปี 2021
5 อันดับมือถือราคาไม่เกิน 3,000 บาท ปี2021
5 อันดับมือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท ปี2021
5 อันดับมือถือราคาไม่เกิน 8,000 บาท ปี2021
5 อันดับมือถือราคาไม่เกิน 10,000 บาท ปี2021
5 อันดับมือถือราคาไม่เกิน 12,000 บาท ปี2021
5 อันดับมือถือราคาไม่เกิน 15,000 บาท ปี2021
5 อันดับมือถือราคาไม่เกิน 18,000 บาท ปี2021