ปัจจุบัน Vivo X60 Pro 5G เป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นเดียวในซีรีส์ X60 ของบริษัทที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งต่อจาก X50 Pro ของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเรือธงที่เน้นกล้องเป็นหลักซึ่งทำให้ชิปเซ็ตและความสามารถในการชาร์จลดลงเล็กน้อยเพื่อส่งมอบกล้องระดับสูงสุด และเป็นหนึ่งในโทรศัพท์เรือธงที่เล็กที่สุดและเบาที่สุด
ดีไซน์การออกแบบ
Vivo X60 Pro 5G เป็นมือถือที่ดูดีอย่างเห็นได้ชัด จะเห็นได้ชัดว่าโมเดลสี ‘Shimmer Blue’ จะสะดุดตา โดยจะสะท้อนแสงและสี ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับวิธีที่แสงส่องเข้ามาที่ตัวเครื่อง แต่ถ้าคุณชอบบางสิ่งที่เรียบกว่านี้ โทรศัพท์ก็จะมีสีดำด้วย คือสี ‘Midnight Black’ ซึ่งมากกว่าสี แต่เป็นงานสร้างที่ Vivo ได้ตอกย้ำ แม้จะมีจอแสดงผลขนาด 6.56 นิ้ว ที่กว้างขวาง แต่ X60 Pro ก็ยังบางและเบาอย่างน่าทึ่ง มีความหนา 7.6/7.7 มม. และน้ำหนักเพียง 177/179 ก. (รุ่นสีดำนั้นหนากว่าและหนักกว่าเพียงเสี้ยวเดียว) นั่นทำให้โทรศัพท์รุ่นนี้เป็นโทรศัพท์ที่เบาและบางที่สุดของปี ในขณะที่ยังมีจอแสดงผลขนาดใหญ่อยู่ และหวังว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ จะให้ความสนใจในจุดนี้ ความรู้สึกของการจับถือก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ด้วยขอบที่โค้งมนที่สบายมือ
Vivo X60 Pro 5G ยังเป็นเครื่องหมายของการกลับมาของโมเดลกล้องที่ก้าวหน้าของ Vivo ซึ่งเป็นการออกแบบที่น่าดึงดูดสำหรับแฟนตัวยง ในขณะเดียวกันความน่าสนใจในการจัดเรียงเลนส์กล้อง ที่ทำให้รู้สึกบางและกะทัดรัดกว่าที่เป็นจริง ซึ่งเป็นการออกแบบที่ชาญฉลาดมาก การออกแบบของ X60 Pro นั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา ปุ่มเปิด-ปิดและปุ่มปรับระดับเสียงจะอยู่ที่ด้านขวา โดยมี USB-C อยู่ด้านล่าง ไม่มีช่องเสียบหูฟัง และไม่มีมารตฐาน IP สำหรับการกันน้ำ ระบบสั่นยังมีติอยู่เล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นข้อสังเกตุเล็กๆ เพราะ X60 Pro ก็ยังดูดีและให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม หรือแม้กระทั่งเหนือกว่าคู่แข่งที่เป็นเรือธงส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ
หน้าจอการแสดงผล
จอแสดงผล 6.56 นิ้ว เป็น AMOLED แบบโค้ง และรองรับอัตราการรีเฟรช 120Hz ซึ่งทำให้โทรศัพท์ทั้งหมดใช้งานได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น รองรับอัตราการสัมผัส 240Hz เพื่อการเล่นเกมที่เร็วขึ้น สีสันมีความลึกและสมบูรณ์แบบ และคอนทราสก็น่าประทับใจ พูดง่ายๆ ก็คือดูดี สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกับโทรศัพท์มือระดับไฮเอนด์บางรุ่นในปีนี้ คือ Vivo X60 Pro 5G ยังไม่รองรับอัตราการรีเฟรชแบบไดนามิก ดังนั้นจึงทำได้ระหว่าง 60Hz หรือ 120Hz เท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือจอแสดงผลเป็นเพียงความละเอียด Full HD+ ในขณะที่คู่แข่งที่มีราคาใกล้เคียงกันบางราย ใช้เป็นพาแนล QHD+ ที่มีความละเอียดสูงกว่า สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว สิ่งนี้อาจจะไม่สำคัญเลย เพราะความหนาแน่นของพิกเซลที่สูงขึ้นนั้น ยากมากที่จะมองเห็นในหน้าจอขนาดนี้
สเปกและประสิทธิภาพ
จะสามารถเห็นได้จากการวัดประสิทธิภาพว่า Vivo X60 Pro 5G ยังคงก้าวต่อไปกับกลุ่มเรือธงที่เหลือในปี 2021 พร้อมกับการก้าวกระโดดครั้งใหญ่จาก X50 Pro ของปีที่แล้ว X60 Pro มาพร้อมกับ RAM 12GB และที่เก็บข้อมูล 256GB จำนวน RAM นั้นได้รับการปรับปรุงเล็กน้อยโดยซอฟต์แวร์ ‘Extended RAM’ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วจะจัดสรรพื้นที่เก็บข้อมูลที่ไม่ได้ใช้เป็น RAM ชั่วคราวเมื่อจำเป็น ทำให้โทรศัพท์มีความจุเพิ่มขึ้น 3GB เป็นการยากในการทดสอบเพื่อประเมินว่าสิ่งนี้ช่วยได้มากเพียงใด แต่อย่างน้อยก็สามารถพูดได้ว่าโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้รองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกันด้วยความมั่นใจ
แบตเตอรี่และการชาร์จ
การชาร์จแบบมีสายต่ออยู่ที่ 33W ซึ่งเพียงพอที่จะชาร์จแบตเตอรี่ได้มากถึง 62% ภายในครึ่งชั่วโมง ส่วนใหญ่เร็วกว่าที่จะได้รับจาก Samsung หรือ Apple แต่คู่แข่งในราคานี้มักจะให้ความเร็ว 65W หรือเร็วกว่านั้น และในความเป็นจริง อาจสามารถชาร์จได้เร็วกว่านี้ในโทรศัพท์มือถือราคาประหยัดบางรุ่นในปีนี้ ที่สำคัญคือตอนนี้เป็นหนึ่งในโทรศัพท์มือถือหลักๆ ไม่กี่เครื่องที่ไม่มีการชาร์จแบบไร้สาย
กล้อง
ไฮไลท์เด่นๆ คือ กล้องเลนส์หลักโดยมีระยะขอบที่พอเหมาะ กล้อง 48Mp นี้มีรูรับแสงพิเศษที่ f/1.5 และได้รับการสนับสนุนโดยระบบป้องกันภาพสั่นไหว Gimbal เป็นรุ่นที่สองของ Vivo ด้วยรูรับแสงกว้างช่วยให้กล้องรับแสงได้มากที่สุด ในขณะที่เทคโนโลยี Gimbal ซึ่งจะย้ายเลนส์ทั้งหมดไปรอบๆ เพื่อป้องกันการสั่นของมือ จะช่วยปรับปรุง HDR และรักษารายละเอียดในภาพนิ่งอีกด้วย
ผลลัพธ์ก็คือกล้องหลักจะให้ภาพถ่ายที่มีรายละเอียดคมชัดในสภาพแสงน้อยได้ดี และให้สมดุลแสงขาวและการเปิดรับแสงได้ดี จัดการจุดสว่างและเงาได้ดีเท่ากัน สีเบสว่างเล็กน้อย (นี่คือสไตล์ที่พร้อมสำหรับการถ่ายลง Instagram ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม แทนที่จะพยายามจับภาพโทนสีที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น) เลนส์อัลตร้าไวด์และพอร์ตเทรต แต่ละเลนส์มีขนาด 13 MP และในขณะที่ทั้งสองเลนส์ดีมาก แต่ก็มีช่องว่างที่ชัดเจนระหว่างเลนส์ทั้งสองกับเลนส์หลัก สีไม่สอดคล้องกันระหว่างโทนสามสี แต่ส่วนใหญ่ใกล้เคียงกัน ความแตกต่างที่ใหญ่กว่านั้นอยู่ที่รายละเอียดและช่วงไดนามิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุมกว้างพิเศษไม่สามารถตามเลนส์หลักได้ เงามักจะอยู่ลึกกว่า รายละเอียดที่นวลกว่า และขอบที่เลือนลางกว่า เลนส์ซูม 2x ถือว่าดี และคมชัดอย่างน่าประหลาดใจ จริงอยู่ที่ว่าจะพบการซูมที่ยาวกว่ามากในมือถือรุ่นในปีนี้ แต่นี่ก็เพียงพอแล้วสำหรับการใข้งานแบบง่ายๆ และการซูมแบบดิจิตอลสูงสุด 20 เท่านั้น ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี
กล้องเซลฟี่ 32Mp นั้นน่าประทับใจมาก ด้วยรายละเอียดที่ยอดเยี่ยมและสมดุลสีขาวที่แม่นยำ แม้ในสภาพแสงที่ท้าทายตั้งแต่ช่วงดึกไปจนถึงแสงแดดและแสงสะท้อนโดยตรง โหมดพอตเทรตที่รองรับทั้งกล้องหน้าและกล้องเลนส์หลัก พร้อมโบเก้และเอฟเฟกต์ที่สามารถปรับได้ โหมดกลางคืนก็รองรับเลนส์ทั้งหมด แม้ว่าจะไม่ได้เพิ่มอะไรมากนัก ซึ่งอัลกอริธึ่มสำหรับแสงน้อยของ Vivo ส่วนใหญ่ดูเหมือนว่าจะรวมอยู่ในโหมดภาพถ่ายหลักแล้ว ดังนั้นการเปลี่ยนไปใช้โหมดกลางคืนจะช่วยได้เฉพาะในสภาวะที่ท้าทายที่สุดเท่านั้น ภาพถ่ายในสภาวะแสงน้อยก็ใช้ได้ดี กล้องหลักแยกจากเลนส์อื่นๆ ทั้งรูรับแสงและ Gimbal ทำงานได้ดีอีกด้วย
แน่นอนว่า Gimbal ช่วยในเรื่องวิดีโอด้วย ซึ่งสามารถบันทึกได้ที่ 4K @60fps ด้วยการรักษาความเสถียรภาพ แบบห้าแกน Gimbal Tech รุ่นที่สองนี้ พิสูจน์ให้เห็นว่ามันคุ้มค่ากว่ารุ่นแรกของ X50 Pro และตอนนี้สามารถรวม Gimbal เข้ากับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น หากถ่ายวิดีโอสไตล์แอคชั่นแคมจำนวนมากๆ หรือแค่ถ่ายขณะเดินทาง สิ่งนี้จะเข้าปรับปรุงความเสถียรของฟุตเทจ
ซอฟต์แวร์
Vivo ยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะอัพเดตระบบปฏิบัติการ Android และการอัปเดตความปลอดภัยสำหรับ Vivo X60 Pro 5G เป็นเวลาสามปี ซึ่งถือว่าดีมากสำหรับตลาด Android ซึ่งในอดีตก็มีปัญหากับกำหนดการอัปเดต Android อยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นก็หวังว่าจะมีการอัปเดตอย่างรวดเร็วสำหรับ Android เวอร์ชันใหม่เมื่อมีให้ใช้งาน
รายละเอียด
- จอแสดงผล AMOLED
– จอแสดงผล Punch-Hole Display
– Refresh Rate 120Hz
– ขนาด 6.56 นิ้ว
– ความละเอียด 1,080 x 2,376 พิกเซล
– หน้าจอกระจก Corning Gorilla Glass 6
– ด้านหลังของเครื่องกระจก Corning Gorilla Glass 6 - เซ็นเซอร์
– Fingerprint
– Accelerometer
– Ambient Light
– Accelerometer
– Proximity
– Gyroscope
– Orientation - เครือข่าย
– 5G
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 11.1 (Android 11)
- หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 870 Octa Core
– ความเร็ว 2.8 GHz - หน่วยประมวลผล GPU Adreno 620
- หน่วยความจำ
– RAM 12GB
– ROM 256GB
- WiFi 802.11 a/b/g/n/ac
- Bluetooth 5.1
- NFC
- Type-C USB 2.0
- กล้องหลักความละเอียด 48MP + 13MP (Ultrawide) + 13MP (Telephoto)
– เลนส์ Zeiss optics
– แฟลช LED
– 60x Digital Zoom
– 5x Optical Zoom
– Auto Focus
– Face Detection
– AI Camera
– Self-Timer
– Panorama
– PDAF - กล้องหน้าความละเอียด 32MP
- แบตเตอรี่ 4,200 mAh
– รองรับชาร์จไว 33W
สรุป
Vivo X60 Pro 5G เป็นมือถือเรือธงจาก Vivo ที่มีจุดแข็งด้านการออกแบบที่สวยงามน้ำหนักเบาและกล้องหลักที่แข็งแกร่ง อาจจะไม่ได้รับการชาร์จแบบไร้สาย มาตรฐาน IP หรือชิปเซ็ตระดับที่ดีที่สุด จอแสดงผลที่ไม่ได้มีความละเอียดสูง แต่ในราคานี้ มีเพียง Mi 11 เท่านั้นที่ให้ได้ (แต่จะมีกับชิปเซ็ตที่ช้ากว่าเล็กน้อย) และด้วยระบบของกล้องเลนส์หลักสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ และการกันสั่นของ Gimbal ทำได้ดีมากๆ สำหรับการถ่ายวิดีโอ
ข้อดี | ข้อเสีย |
บางและเบาเป็นพิเศษ | ไม่มีการชาร์จแบบไร้สาย |
กล้องหลักที่ดีมาก | ไม่มีมาตรฐาน IP |
วิดีโอที่มีความเสถียรของ Gimbal | กล้องอัลตร้าไวด์ทั่วไป |
Vivo X60Pro 5G (12GB+256GB) ราคา 24,999 บาท
ข้อมูลจาก : www.siamphone.com, www.techadvisor.com
Credit สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ